Header Ads

Seo Services

ผงกะหรี่ ประโยชน์เน้นๆ

ผงกะหรี่สมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพ

ผงกะหรี่ ประโยชน์เน้นๆ -Dedpraden-เด็ดประเด็น

          จากเอกสารของแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะมุสลิมไทย อธิบายประโยชน์ของผงกะหรี่ว่า เป็นเครื่องเทศชูรสที่มีกลิ่นในอาหารอินเดีย คนอินเดียมักบดเครื่องแกงกันสดๆ และผสมเครื่องแกงขึ้นใช้เป็นครั้งคราว ทั้งนี้ คำ กะหรี่ เป็นภาษาทมิฬที่ชาวอินเดียใต้ ใช้เรียกแกงประเภทเผ็ดชนิดหนึ่งที่มีน้ำ และประเภทแกงแห้งอีกด้วย

ผงกะหรี่มี 2 ชนิด

1. ผงกะหรี่อินเดีย มีกลิ่นหอม รสเครื่องเทศแรง ผงกะหรี่อินเดียสูตรโบราณมีเครื่องเทศป่นผสมที่ต่างกัน
    จากผงกะหรี่อินเดียทั่วไป เพราะจะใช้เพียงแค่โรยหน้าในสตูต่างๆ เท่านั้น
2. ผงกะหรี่แบบญี่ปุ่น สี กลิ่น รส อ่อนมาก มีทั้งแบบผงและแบบก้อน
3. ผงกะหรี่แบบจีน มีสีเหลืองสวย รสอ่อน กลิ่นหอม
4. ผงกะหรี่แบบไทย สีออกเหลืองเข้ม รสแรง กลิ่นหอม ซึ่งก็ยังมีผงกะหรี่แบบพื้นบ้านของไทย เรียกชื่อ
    อย่างแขกอินเดียว่า มัสล่า อยู่ทางแม่ฮ่องสอน

ส่วนผสมของผงกะหรี่มีอะไรบ้าง

          ผงกะหรี่ประกอบด้วยเครื่องเทศหลายชนิดบดผสมเข้าด้วยกัน เครื่องเทศหลัก ได้แก่ ขมิ้น, ลูกผักชี, ยี่หร่า และลูกซัด ที่เหลือนอกนั้นเป็นเครื่องเทศที่ใช้ปรับปรุงรสและกลิ่นเพิ่มเติม ได้แก่ ขิง, กานพลู, อบเชย, ลูกกระวาน, เปลือกพริกเผ็ด, เปลือกพริกแดง, พริกไทย, ลูกจันทน์, ดอกจันทน์, กระเทียม, ใบกะหรี่, เมล็ดเทียน, ตาตั๊กแตน (เมล็ดผักชีลาว), อบเชยเทศ, อบเชยจีน, เมล็ดพันธุ์ผักกาด (เมล็ดมัสตาร์ด), เมล็ดป๊อบปี้, ดอกอบเชย, เมล็ดขึ้นฉ่าย และเกลือ

สรรพคุณของผงกะหรี่

          นอกจากใช้ประกอบอาหารยังเป็นยา และมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย โดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยสิงคโปร์พบสารเคอร์คูมินในผงกะหรี่ เป็นสารที่จะช่วยเพิ่มพลังสมองให้กับคนชรา ซึ่งเคอร์คูมินเป็นสารประกอบที่อยู่ในขมิ้น มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการก่อมะเร็ง ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์หลายอย่าง ไม่ว่าจะแก้อักเสบ, ป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร, ฆ่าเชื้อรา, ใช้บำรุงผิวให้สดใส ลดความหมองคล้ำ

          ทั้งยังมีงานวิจัยที่กล่าวถึงคุณสมบัติยับยั้งการสะสมโปรตีนอะมีลอยด์ในสมอง ตัวการโรคหลงลืม รวมทั้งยับยั้งการสร้างเอนไซม์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งบางชนิดและโรคอักเสบอย่างเรื้อรัง และยังพบว่า สารสกัดจากขมิ้นสามารถลดการเจริญเติบโตของมะเร็งเต้านมที่เกิดจากการเปลี่ยนของสารเคมีได้ และยังแก้โรคสมองเสื่อมได้ เพราะเชื่อว่าหัวขมิ้นชันมีสรรพคุณขัดขวางไม่ให้อาการโรคทรุดหนักลง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนอินเดียไม่ค่อยเป็นโรคสมองเสื่อม โดยจากการวิจัยพบว่าชาวอินเดียวัย 65 ปีขึ้นไป มีอัตราป่วยสมองเสื่อมเพียงแค่ร้อยละ 1 เท่านั้น

          โอโห ประโยชน์ สรรพคุณมากมายอย่างนี้ รีบไปหารับประทานกันเลยนะคะเพื่อนๆ แต่ใครที่ไม่รู้ว่าจะทานอะไรดี แอดช่วยคิดเมนูให้ ลองไปทำทานกันดูนะคะ


หมูสะเต๊ะ

ส่วนผสม

1.เนื้อสะโพกหมู
2.กระเทียม 2 กำมือ
3.ผงขมิ้น 1/2 ทัพพีเล็ก
4.ผงยี่หร่า 1 ทัพพี
5.ผงกะหรี่ 2+1/2 ทัพพี
6.น้ำตาลทราย 2 ทัพพี
7.เมล็ดผักชีโขลก 2 กำมือ
8.กะทิกล่องสำเร็จรูป
9.นมสด
10.ไม้เสียบหมูสะเต๊ะ

วิธีทำ

- หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นๆ ใส่กระเทียมโขลก ตามด้วยผงขมิ้น ผงยี่หร่า ผงกะหรี่ น้ำตาลทราย เมล็ดผักชี
  โขลก กะทิ และนมสดเล็กน้อย เคล้าส่วนผสมให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้ครึ่งวัน
- นำหมูที่หมักแล้วมาเสียบไม้ นำไปชุบน้ำกะทิให้ทั่ว แล้วปิ้ง พอหมูเริ่มสุกทากะทิซ้ำ (เพื่อความนุ่มและ
  ไม่กระด้าง) และปิ้งอีกครั้งจนสุก
- จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสะเต๊ะ และน้ำจิ้มอาจาด

ส่วนผสมน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ

1.กะทิสด 500 กรัม
2.น้ำพริกแกงมัสมั่น 200 กรัม หรือ2 ขีด
3.น้ำตาลปี๊บ 3 ทัพพี
4.น้ำมะขามเปียก 4 ทัพพี
5.เกลือป่นเล็กน้อย
6.ถั่วลิสงคั่วป่น 5 ทัพพี

วิธีทำ

- ใส่หัวกะทิเล็กน้อยลงในหม้อตั้งไฟเคี่ยวพอร้อน ใส่น้ำพริกแกงมัสมั่น จากนั้นเทกะทิที่เหลือลไป
- ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ โดยค่อยๆ ใส่ เดี๋ยวจะหวานเกินไป ตามด้วยน้ำมะขามเปียก ตัดรสด้วยเกลือป่น
  คนส่วนผสมให้เข้ากัน ชิมรสชาติจะต้องหวานนำ เปรี้ยวแค่ 0.1%
- ต่อมาใส่ถั่วลิสงคั่วป่น แล้วคนให้เข้ากัน เคี่ยวส่วนผสมจนเดือด แล้วยกลง


ส่วนผสมน้ำจิ้มอาจาด

1.น้ำส้มสายชู 4 ส่วน
2.น้ำตาลทราย 3.5 ส่วน
3.เกลือ 1/2 ส่วน
4.น้ำเปล่าเล็กน้อย (เพื่อเบรคความเปรี้ยวของน้ำส้มสายชู)
5.แตงกวาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
6. พริกแดงซอย
7.หอมแดงซอย

วิธีทำ

- ใส่ส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ น้ำเปล่าเล็กน้อยลงในหม้อ ตั้งไฟเคี่ยวพอหนืดนิดหน่อย จากนั้นพักไว้
  ให้เย็น
- หั่นแตงกวาซอย พริกแดง หอมแดง ใส่ลงไปในน้ำอาจาดที่เย็นแล้ว เป็นอันเสร็จขั้นตอนทั้งหมด

Cr.BNH Hospital, สูตรหมูสะเต๊ะจาก pantip


ไม่มีความคิดเห็น

ฝากขังบูม

บูม ถูกกองปราบควบคุมตัวขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก ฝากขังบูม -Dedpraden-เด็ดประเด็น           หลังจากเมื่อวาน (09 ส.ค. 2561) ที่ดารานักแส...